บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ “SCM” เตรียมสยายปีก สู่ “ธุรกิจลิสซิ่ง” ไตรมาส3/2565นี้ จ่อให้บริการกลุ่มลูกค้าสมาชิกของ SCM ที่มีอยู่ 1.6 แสนราย และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 2.5 แสนรายในปีนี้ ล่าสุด “นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร” ดอดเก็บหุ้นเข้าพอร์ตเพิ่ม 2 แสนหุ้น หนุนสัดส่วนหุ้นในพอร์ตขยับเป็น 184.8 ล้านหุ้น ตอกย้ำความเชื่อมั่นแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจในอนาคตแบบก้าวกระโดดสอดรับแผนกลยุทธ์สู่ไลน์ธุรกิจใหม่(ลิสซิ่ง) ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เสริมทัพให้กรอบราคาเป้าหมาย ที่ระดับ 8 – 8.80 บาท พร้อมระบุกำไรปีนี้ส่อแววเพิ่มขึ้น10-20 % (EPS 0.40-0.44) PE 220 เท่า เชื่อธุรกิจสู่ลิสซิ่งหนุนผลการดำเนินเติบโตในระยะยาว
นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (“SCM”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมแผนแตกไลน์ธุรกิจสู่ “ธุรกิจลิสซิ่ง” ภายใต้ชื่อ “บริษัท จัดให้ ลิสซิ่ง จำกัด” ดำเนินธุรกิจการให้บริการสินเชื่อประเภทเช่าซื้อ จำนำทะเบียนรถ จำนองที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นสู่การเป็นบริษัทชั้นนำ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลประกอบการของบริษัทฯ ในระยะยาว พร้อมทั้งยกระดับฐานะการเงินของบริษัทฯ โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการธุรกิจลิสซิ่ง ภายในไตรมาส 3/2565 นี้ โดยเจาะฐานลูกค้าสมาชิกของ SCM ซึ่งจะสามารถต่อยอดธุรกิจได้มากขึ้น เนื่องจากมองว่า ธุรกิจลิสซิ่ง สามารถรองรับความต้องการของกลุ่มสมาชิก MLM ที่มีอยู่กว่าในปัจจุบัน 1.6 แสนรายได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายการต่อยอดผ่านธุรกิจเดิม ทั้งจากตัวSCM และโรงงานผลิตในเครือ ภายใต้ชื่อ “บริษัท เอสซีเอ็ม อินโนเวทีฟ จำกัด” (SCM Innovative Co., Ltd.) (“SMI”) เพื่อเดินหน้าขยายสู่ตลาด OEM รับจ้างผลิตสินค้าอาหารเสริมสุขภาพ
“SCM พร้อมเดินหน้าขยายฐานสมาชิก “ซัคเซสมอร์” เพิ่มมากขึ้นเป็น 250,000 ราย ภายในปีนี้ จากเดิมที่มีฐานสมาชิกอยู่แล้ว 1.6 แสนราย ผ่านการขับเคลื่อนธุรกิจ 4 กลยุทธ์หลัก คือ 1.) Leverage Brand Energy การยกระดับพลังแบรนด์องค์กร และสินค้าให้สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายและสร้างแบรนด์เลิฟเวอร์ 2.) Driving Digital ขับเคลื่อนด้วยระบบดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานและเป็นเครื่องมือการขยายตลาด 3.) Create Online & Offline Breakthrough System สร้างและผสมผสานระบบ Offline และ Online ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันเพื่อให้รองรับและเติมเต็มจุดอ่อนจุดแข็งของทั้ง 2 ระบบ และ 4.) Customer Experience Management การบริหารจัดการประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์ของลูกค้า ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสการเติบโตให้บริษัทอย่างยั่งยืน”
ส่วนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาซอฟต์เจล ที่มีส่วนผสมของ กัญชง-กัญชา โดยมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูเซลล์ และทำให้ผ่อนคลายหลับสบาย คาดจะสามารถออกจำหน่ายได้เร็วๆ นี้ ซึ่งหากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกจากเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า และสามารถสร้างยอดขายให้กับ SCM ได้เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร “SCM” ได้เข้าซื้อ SCM เพิ่ม จำนวน 200,000 หุ้น เฉลี่ยราคา 6.30 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 184.8 ล้านหุ้น จากเดิมที่ 184.6 ล้านหุ้น โดยการเข้าเก็บหุ้นเพิ่มเติมในครั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจในอนาคตที่มีโอกาสจะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งสอดรับกับแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยเฉพาะการเตรียมเพิ่มไลน์ธุรกิจสู่ “ลิสซิ่ง” ภายในไตรมาส 3/2565 นี้
ขณะที่ บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)ให้กรอบราคาเป้าหมาย SCM ที่ 8.0-8.8 บาท ประเมินอัตราการเติบโตของรายได้การเติบโตปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20% โดยได้เริ่มรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) ตั้งแต่ 2Q65 ให้กับลูกค้า SME ที่ขายสินค้าอาหารเสริมทางออนไลน์ ซึ่งมีการขยายตัวต่อเนื่อง เป็นการเพิ่มรายได้ และ Utilize โรงงานของบริษัท ช่วยทำให้ประหยัดต้นทุนการผลิต รวมทั้งเพิ่มอัตรากำไร เนื่องจากธุรกิจ OEM มี Net margin 30-35% ขณะที่ SCM จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 1-2 ตัว/ไตรมาส ซึ่งจะผลักดันยอดขายและอัตรากำไร ส่วนรายได้จากต่างประเทศซึ่งมาจากการมีตัวแทนจำหน่ายในกลุ่มประเทศ ASEAN คาดว่าจะเพิ่มขึ้นหลังจากการคลายล็อกดาวน์ นอกจากนั้น SCM ยังมีโอกาสในการปรับลดค่าคอมมิชชันลงจากที่ระดับเกือบ 50% เนื่องจากยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ประมาณ 40% ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
ส่วนแผนการขยายสู่ธุรกิจเช่าซื้อนั้น ทางฝ่ายวิเคราะห์มองว่า เพื่อเป็นการต่อยอดจากฐานสมาชิก โดยการจัดตั้ง บริษัท จัดให้ ลิสซิ่ง จำกัด (บริษัทย่อยของ SCM) จะให้บริการสินเชื่อประเภทเช่าซื้อ จำนำทะเบียนรถ และจำนองที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง โดยในระยะแรกมีลูกค้าเป้าหมายคือสมาชิกนักธุรกิจเครือข่ายของ SCM โดยใช้พื้นที่สาขาของบริษัท และระยะต่อไปจะขยายไปสู่บุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นการต่อยอดจากฐานสมาชิกปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 1.6 แสนราย โดยบริษัทเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มรายได้สนับสนุนการเติบโตของบริษัทในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าแนวโน้มการเติบกำไรของ SCM จะเติบโตจากการเปิดเมืองซึ่งทำให้มีโอกาสในการเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์การเกษตรได้อานิสงส์จากราคาปุ๋ยสูง บริษัทมีการออกสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น และมีรายได้เพิ่มเติมจากการรับจ้างผลิตสินค้าซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง อีกทั้ง SCM กำลังเข้าสู่ธุรกิจเช่าซื้อ ซึ่งต่อยอดจากการมีฐานสมาชิก 1.6 แสนราย ซึ่งอาจจะเป็นอัพไซด์ต่อผลประกอบการในระยะยาว