“อดีตบิ๊กข่าวกรอง” แนะ รัฐบาล พท. อยากอยู่ครบวาระ บอก “ทักษิณ” เข้าคุก “เทพไท” วิเคราะห์นิด้าโพล อย่าย่ามใจ


เลิกเข้าข้างคนผิด! “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” แปลกใจสังคมไทยชักมีอะไรเพี้ยนๆ แนะ “รัฐบาล พท.” อยากอยู่ครบวาระ บอก “ทักษิณ” เข้าคุก “เทพไท” วิเคราะห์ “นิด้าโพล” ปมอุ้ม“นักโทษเทวดา” ไม่กระทบรัฐบาล ชี้ อย่าย่ามใจ

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(22 ม.ค. 67) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

“อย่าเข้าข้างคนผิด

สังคมไทยชักมีอะไรเพี้ยนๆ เริ่มส่ออาการแปลกประหลาด เด็กทำผิดฆ่าคนตายด้วยความตั้งใจ แต่กลับมีคนออกมาปกป้อง เรียกร้องให้อภัยให้โอกาส คนส่วนใหญ่ต้องอดทนต่อภัยสังคม อย่างนั้นหรือ? นั่นก็เรื่องหนึ่ง

ภาพ นายนันทิวัฒน์ สามารถ จากแฟ้ม
คนโกงชาติกลับมายังไม่ติดคุกสักวัน อ้างว่าสำนึกผิด แต่ขอลดโทษ มีกลุ่มคัดค้านไม่เห็นด้วย ต้องติดคุก แต่ลิ่วล้อ นักการเมืองกลับบอกว่า จบได้ควรจบ เลิกได้ควรเลิก บ้านเมืองต้องการความสงบ อย่าให้คนในชาติต้องทะเลาะกัน เพราะคนเพียงคนเดียว

อยากบอกนักการเมืองทุกคน อย่าส่งเสริมคนผิดไม่ต้องติดคุก ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ทำผิดต้องติดคุก อย่าเห็นสิ่งที่ผิดเป็นเรื่องปกติ

คำพิพากษาศาลต้องศักดิ์สิทธิ์ อยู่เหนือกฎกระทรวงและระเบียบคุก เพื่อเห็นแก่ความสงบของสังคม รัฐบาลจะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลครบสมัย

ใครที่บอกว่าคนไทยควรปล่อยวาง ไปบอกทักษิณให้โกนหัวเดินเข้าคุกเถอะ ติดคุกไม่กี่วันเอง ก็จะได้พักโทษแล้ว จะได้ดูสง่างาม เดินเชิดหน้าชูคอได้”

ภาพ นายเทพไท เสนพงศ์ จากเฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์
ขณะเดียวกัน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

“ผลโพลนิด้า จะทำให้รัฐบาลประมาทได้

ผมขออนุญาตวิเคราะห์ผลการสำรวจความคิดเห็นของ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เรื่อง “กรณีทักษิณ ชินวัตร กับความอยู่รอดของรัฐบาล” ใน 2 ประเด็นดังนี้

1.เมื่อถามถึงความอยู่รอดของรัฐบาล จากกรณีทักษิณ ชินวัตร ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.62 ระบุว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของรัฐบาลเลย รองลงมา ร้อยละ 21.98 ระบุว่า ค่อนข้างส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของรัฐบาล ร้อยละ 18.70 ระบุว่า ไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของรัฐบาล ร้อยละ 15.42 ระบุว่า ส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของรัฐบาลอย่างมาก

สำหรับผลโพลในประเด็นนี้ อาจจะทำให้รัฐบาลย่ามใจและตั้งอยู่ในความประมาทได้ว่าม็อบกระแสจุดไม่ติด และการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พยายามตีกรรเชียง บ่ายเบี่ยง ไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับคุณทักษิณ ตัดตอนโยนความรับผิดชอบ ให้กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมเป็นผู้รับผิดชอบและตอบคำถาม เพื่อต้องการไม่ให้กรณีคุณทักษิณมาเกี่ยวโยงกับคุณเศรษฐา อาจกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งถ้าดูจากผลโพลถือว่าประสบความสำเร็จ

2.เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ส่งตัวทักษิณ ชินวัตร กลับเข้าเรือนจำ จะลุกลามจนนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่เหมือนการชุมนุมของเสื้อเหลือง เสื้อแดง และ กปปส. ในอดีต พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.60 ระบุว่า จะไม่นำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่แน่นอน รองลงมา ร้อยละ 41.30 ระบุว่า จะนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่ แต่ไม่ใหญ่โต เหมือนในอดีต ร้อยละ 11.15 ระบุว่า จะนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่เหมือนในอดีตแน่นอน

ในประเด็นนี้ ผลโพลใกล้เคียงกันมาก ระหว่างร้อยละ 41.60 กับร้อยละ 41.30 ซึ่งไม่แตกต่างกันเลย แต่ถ้ารวมกับร้อยละ 11.15 จะนำไปสู่วิกฤตทางการเมืองรอบใหม่เหมือนในอดีตแน่นอน เป็นอัตราร้อยละที่สูง แสดงว่า สถานการณ์ทางการเมือง และอารมณ์ของประชาชน มีสิทธิ์จะลุกฮือขึ้นมาต่อต้านเป็นวิกฤตการเมืองรอบใหม่ ถ้าหากกรมราชทัณฑ์ยังเลือกปฏิบัติ หรือปฏิบัติสองมาตรฐาน สร้างความเหลื่อมล้ำให้เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประชาชนอาจจะถึงจุดเดือด และพร้อมจะออกสู่ท้องถนนในทันที

เพราะฉะนั้นการที่กลุ่ม คปท. เดินสายเคลื่อนไหวในต่างจังหวัด เพื่อหาแนวร่วมและสร้างกระแสการต่อต้านความไม่เป็นธรรม ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวแบบป่าล้อมเมือง ซึ่งในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน คือเริ่มต้นจากการชุมนุมจุดเล็กๆ ที่สถานีรถไฟสามเสน และขยายผลลุกลามไปทั่วประเทศ จนมีมวลชนเข้าร่วมการชุมนุมนับสิบล้านคน

กรณีทักษิณไม่ยอมติดคุก ถ้าหากรัฐบาลยังไม่ตัดไฟแต่ต้นลม หรือชิงดับกระแสเสียก่อน สถานการณ์ก็อาจจะลุกลามได้ รัฐบาลจึงเตรียมตัดประเด็นแต่เนิ่นๆ โดยชิงอนุมัติให้คุณทักษิณพักโทษเสียก่อน เพื่อจะลดกระแสและเงื่อนไขการเคลื่อนไหว ของฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณให้น้อยลงมากที่สุด”