ในปี 2564 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป หากพูดถึงนักธุรกิจระดับโลกที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากที่สุด รวมถึงวงการคริปโทเคอร์เรนซี ย่อมหนีไม่พ้นชื่อของ “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีแห่งวงการเทคโนโลยี
ขณะเดียวกัน ปีที่แล้วยังเป็นปีทองของมัสก์อย่างแท้จริง เพราะธุรกิจต่าง ๆ ของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะราคาหุ้นของ เทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่ดันมูลค่าบริษัททะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์จนกลายเป็นผู้ผลิตรถที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
แน่นอนว่า มูลค่าบริษัทที่เพิ่มขึ้นย่อมทำให้ความมั่งคั่งของมัสก์สูงขึ้นจนทะลุ 2.8 แสนล้านดอลลาร์ (ณ เดือน ธ.ค. 64) กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แซงหน้าแชมป์เศรษฐีรวยที่สุดในโลกคนก่อนอย่าง “เจฟฟ์ เบซอส” ผู้ก่อตั้งยักษ์ใหญ่ Amazon.com
อย่างไรก็ดี ด้วยความมั่งคั่งแถวหน้าของโลก ทำให้มัสก์ต้องจ่ายภาษีจำนวนมหาศาลให้แก่สหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่เขาดำเนินธุรกิจอยู่ โดยมัสก์เปิดเผยว่า ภาษีปี 2564 ของเขานั้น สูงถึง 11,000 ล้านดอลลาร์
กรุงเทพธุรกิจได้รวบรวมธุรกิจต่าง ๆ ที่เขาก่อตั้งและขายกิจการไปแล้ว รวมถึงที่ก่อตั้งและยังบริหารอยู่ในปัจจุบัน ครอบคลุมตั้งแต่สตาร์ทอัพอินเทอร์เน็ตไปจนถึงพลังงานหมุนเวียน และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) โดยมีดังต่อไปนี้
1. เทสลา
ประเภทธุรกิจ : ยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
มูลค่าตลาด : 1.02 ล้านล้านดอลลาร์
2. SPACEX
ประเภทธุรกิจ : อวกาศ
มูลค่าตลาด : 1 แสนล้านดอลลาร์
3. พลังงานแสงอาทิตย์
ประเภทธุรกิจ : พลังงานหมุนเวียน
มูลค่าตลาด : TESLA ซื้อกิจการมูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์
4. PAYPAL (ขายกิจการแล้ว)
ประเภทธุรกิจ : ชำระเงินออนไลน์
มูลค่าตลาด : ขายกิจการให้ EBAY มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์
5. บริษัท ที่น่าเบื่อ
ประเภทธุรกิจ : ก่อสร้างอุโมงค์
มูลค่าตลาด : 920 ล้านดอลลาร์
6. นูราลิงค์
ประเภทธุรกิจ : ประสาทเทคโนโลยี
มูลค่าตลาด : มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์
7. ZIP2 (ขายกิจการแล้ว)
ประเภทธุรกิจ : ไดเร็กทอรีธุรกิจออนไลน์
มูลค่าตลาด : ขายกิจการให้ HP มูลค่า 307 ล้านดอลลาร์
8. เปิด AI
ประเภทธุรกิจ : วิจัยปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)
มูลค่าตลาด : ไม่มีข้อมูล
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูต่อไปว่า ปี 2565 จะเป็นอีกหนึ่งปีทองที่ธุรกิจของ อีลอน มัสก์ เติบโตต่อเนื่องหรือไม่ โดยเฉพาะธุรกิจที่กำลังมาแรงอย่าง EV ของ เทสลา และอวกาศการบินของ SpaceX
