ก้าวไกล ย้ำ จุดยืนเดินหน้าแก้ 112 จี้ “ชวน” นำเข้าวาระประชุมสภาฯ

ก้าวไกล ย้ำ จุดยืนเดินหน้าแก้ 112 จี้ “ชวน” นำเข้าวาระประชุมสภาฯ ชี้ หากไม่เปิดให้ถกแก้อาจนำไปสู่การยกเลิก ลั่น ถ้ากม.ยังล้าหลัง ไม่มีทางที่สังคมจะก้าวหน้า แจง การไปประกันตัวเป็นการสนับสนุน-คุ้มครองสิทธิในกระบวนการยุติธรรม

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วย ส.ส.พรรค ก.ก. ร่วมกันแถลงถึงความคืบหน้าของการเสนอชุดร่างกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก และสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน ซึ่งพรรคก้าวไกล ได้เคยยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วตั้งแต่ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวมี 5 ร่าง ได้แก่ 1.ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่…) ซึ่งเป็นการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ในการเอาผิดต่ออาชญากรรมในระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่เป็นการนำกฎหมายไปใช้เพื่อปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์ 2.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … 3.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่…) พ.ศ. …. ซึ่งทั้ง 2 ฉบับนี้ เพื่อสร้างกลไกคุ้มครองประชาชนจากการถูกฟ้องคดีปิดปาก โดยหน่วยงานรัฐหรือเอกชน ในกรณีที่ประชาชนใช้สิทธิเสรีภาพในการเข้าไปมีส่วนร่วมกับประเด็นสาธารณะต่างๆ หรือตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐและเอกชน

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า 4.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. …. ซึ่งมีการแก้ไขเพื่อเพิ่มบทลงโทษกรณีเจ้าหน้าที่บิดเบือนกฎหมาย ทำให้เราสามารถเอาผิดเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรมที่กระทำการบิดเบือนกฎหมายต่อประชาชนได้ และ 5. ร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … ซึ่งเป็นการแก้ไขเกี่ยวกับฐานความผิดหมิ่นประมาททั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไป ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ดูหมิ่นศาล รวมทั้งความผิดฐานดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย ต่อองค์พระมหากษัตริย์ เพื่อประกันเสรีภาพ ในการแสดงออก ให้ได้สัดส่วนกับการเคารพสิทธิหรือชื่อเสียงของประมุขของรัฐและบุคคลอื่น ให้สอดคล้องกับหลักเสรีภาพ ในระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ความคืบหน้าจนถึงวันนี้ปรากฏว่า มีเพียงร่างกฎหมาย 4 ฉบับแรกเท่านั้นที่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบ เพื่อบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับสุดท้าย ซึ่งมีการแก้ไข ม.112 ด้วยนั้น ถูกโต้แย้งโดยสำนักการประชุม สภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ว่ามีบทบัญญัติที่อาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ที่ว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า สาระสำคัญในร่างกฎหมายที่มีการแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกลนั้น เป็นการย้ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา 112 ออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ไปกำหนดเป็นลักษณะความผิดใหม่ คือ ลักษณะความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพื่อให้มีความเหมาะสมทั้งในแง่ของโครงสร้างของบทบัญญัติ อัตราโทษ การยกเว้นความผิด การยกเว้นโทษ และผู้ร้องทุกข์ เช่น ยกเลิกโทษจำคุก ให้เหลือแต่โทษปรับในความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นบุคคลทั่วไป ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และศาลหรือผู้พิพากษา แต่เพื่อยังคงคุ้มครองพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของรัฐ จึงกำหนดอัตราโทษให้ยังมีโทษจำคุก แต่ลดอัตราโทษลงจากเดิมสูงสุด 15 ปี เหลือไม่เกิน 1 ปี และไม่กำหนดอัตราโทษขั้นต่ำไว้ กำหนดให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์ เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลทั่วไปนำฐานความผิดนี้ไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง กลั่นแกล้งผู้อื่น หรือนำไปใช้โดยไม่สุจริต ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่มีการแก้ไขเพื่อเพิ่มให้มีบทยกเว้นความผิดและยกเว้นโทษ ที่ระบุว่า “ผู้ใดติชม แสดงความคิดเห็น หรือแสดงข้อความใดโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ผู้นั้นไม่มีความผิด” และ “ถ้าผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดพิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นความผิดนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ห้ามมิให้พิสูจน์ ถ้าเป็นเรื่องความเป็นอยู่ส่วนพระองค์ และการพิสูจน์ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน” ทางสำนักการประชุมสภาฯ และสำนักงานเลขาธิการสภาฯ โต้แย้งกลับมาว่าเป็นบทบัญญัติที่อาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ซึ่งกรณีนี้ พรรคก้าวไกลเคยทำหนังสือชี้แจงสำนักการประชุมสภาฯ ไปแล้ว และจะยื่นหนังสือต่อสำนักงานเลขาธิการสภาฯ และประธานสภาฯ อีกครั้งในวันนี้ เพื่ออธิบายยืนยันว่า เมื่อพิจารณาจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญและกฎหมายของไทย ตลอดจนหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญแล้ว ร่างแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลนั้น ไม่ได้มีเนื้อหาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 6 แต่อย่างใด จึงขอให้ประธานสภาฯ นำร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … ของพรรคก้าวไกลที่ยังตกค้างอยู่ เข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นเพื่อบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมโดยเร็ว

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า การจะธำรงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ให้คงอยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตย ไม่สามารถจะบรรลุได้ด้วยการใช้อำนาจกดบังคับ หรือใช้กฎหมายปราบปรามการแสดงออกของประชาชน แต่สถาบันการเมืองใดๆ ในสังคมสมัยใหม่ย่อมดำรงอยู่ได้ก็ด้วยความชอบธรรมและความยินยอมพร้อมใจจากประชาชน ปฏิเสธไม่ได้ว่าขณะนี้ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังเรียกร้องให้ยกเลิก ม.112 ถึงเวลาแล้วที่ผู้มีอำนาจต้องคืนสิทธิในการประกันตัวให้แก่ผู้ต้องหาคดี ม.112 รวมถึงคดีความมั่นคงอื่นๆ และใช้กลไกทางการเมืองในการยุติคดีการเมืองต่างๆ ไม่ควรมีใครต้องอยู่ในคุกเพราะการแสดงออกทางการเมือง ในที่สุดหากต้องนิรโทษกรรมคดีการเมืองเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในสังคมก็จำเป็นต้องทำ

“ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องตระหนักและเปิดพื้นที่ปลอดภัยในการทบทวนและแก้ไข ม.112 เพื่อหาข้อยุติที่แต่ละฝ่ายซึ่งมีความคิดทางการเมืองต่างกันพอจะรับกันได้ พรรคก้าวไกลหวังว่าเมื่อร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสู่สภาฯ แล้ว จะได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ ก่อนที่จะสายเกินการณ์ ไม่มีทางที่เราจะมีการเมืองที่มีเสถียรภาพมั่นคงได้ หากเรายังมีระบบกฎหมายที่ล้าหลัง ไม่เห็นคนเป็นคนเสมอหน้ากัน ไม่มีทางที่เราจะมีเศรษฐกิจสังคมที่เจริญก้าวหน้าและเป็นธรรมได้ หากเรายังอยู่ในรัฐโบราณที่ประชาชนไม่ใช่เจ้านาย ประชาชนไม่ใช่เจ้าของประเทศ” นายชัยธวัช กล่าว

เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าพรรคก้าวไกลพยายามดึงการเมืองกับสถาบันฯ มาร่วมกัน จะชี้แจงอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า เราตัดสินใจที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในพรรคก้าวไกล และนำเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะสถานการณ์การเมืองนอกสภาฯ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นมาจะทำ แต่เพราะมีสถานการณ์วิกฤตทางการเมืองข้างนอกที่มีการใช้กฎหมายมาตรา 112 และมีคดีมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ และเราคิดว่าในฐานะพรรคการเมือง ผู้แทนราษฎร และสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถที่จะงดเว้นหรือไม่สนใจที่จะเอาเรื่องนี้มาอภิปรายกันได้

เมื่อถามว่า การโยกหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐไปอยู่ในหมวดเกียรติยศของสถาบันฯ ซึ่งปัญหาของกฎหมายในการบังคับใช้มีการตีความขอบเขตกว้าง ร่างของพรรคสามารถบรรเทาหรือยุติข้อกังวลในส่วนนี้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าจริงๆ แล้วการตีความฐานความผิดยังมีลักษณะคลุมเครืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นดูหมิ่น หมิ่นประมาท เรื่องนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และสังคมจะต้องช่วยกันตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมาย แต่อย่างน้อยเราคิดว่าจะทำให้ปัญหาความตึงเครียดในเรื่องนี้ลดทอนลงได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปรับฐานความผิด บทลงโทษให้ยืดหยุ่นสามารถที่จะสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ หรือการที่กำหนดให้ใครก็ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษหรือแจ้งความ ตนเห็นว่าหากสามารถแก้ไขได้จะทำให้ปัญหาเบาบางลง และหากทำสำเร็จ ปัญหาเกี่ยวกับมาตรา 112 จะลดลง

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีการผลักดันไปจนถึงการยกเลิกมาตรา 112 นายชัยธวัช กล่าวว่า การแก้ไขนี้เราเสนอตั้งแต่เดือน ก.พ. แต่กำลังจะถูกกลไกของสภาฯ ปฏิเสธ โดยอ้างว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญและอาจเกิดกระบวนการที่ไม่นำบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม เรื่องนี้เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่เราทำมา ซึ่งมีบางคนเห็นว่าควรจะยกเลิก บางคนบอกไม่ควรจะยกเลิก ควรจะเพิ่มโทษ ดังนั้น ข้อเสนอของเราถือเป็นข้อเสนอที่อยู่ตรงกลางที่พอจะคุยกันได้ และใช้เวทีสภาฯ ให้ดีที่สุดสำหรับการคลี่คลายความเห็นแตกต่างกันในทางการเมือง แต่หากพื้นที่สภาฯ ไม่เปิดให้กับเรื่องที่เป็นปัญหาขัดแย้งกันอย่างแหลมคมอยู่ ก็เป็นไปได้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้รับการแก้ไข และสะสมความไม่พอใจไปเรื่อยๆ จนนำไปสู่การยกเลิกในอนาคต และอาจมีปัญหาทางการเมืองอื่นๆ ตามมาอีก

เมื่อถามว่า มีเสียงสะท้อนว่าคนที่อยากจะแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 มาจากการล่วงละเมิดหรือทำความผิด นายชัยธวัช กล่าวว่า ปัญหาตอนนี้คือเราไม่มีพื้นที่ปลอดภัยทางการเมืองที่จะถกเถียงเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่ และการเสนอแก้ไขกฎหมายผ่านสภาฯ เป็นพื้นที่ที่สำคัญที่จะเอื้อให้เกิดการถกเถียงได้

เมื่อถามว่า การที่ ส.ส.ก้าวไกล ไปประกันตัวผู้ต้องหาคดี 112 หมายความว่าพรรคเห็นด้วยในการชุมนุมด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า การที่เราไปประกันตัวเป็นการสนับสนุนและคุ้มครองสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนควรได้รับจนกว่าเขาจะถูกตัดสินอย่างถึงที่สุดแล้วว่ามีความผิด ต้องแยกกันระหว่างสิทธิในกระบวนการยุติธรรมกับเนื้อหาที่ถูกกล่าวหา

เมื่อถามว่า มีพรรคอื่นของฝ่ายค้านที่สนับสนุนการแก้มาตรา 112 ด้วยหรือไม่ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะวิปฝ่ายค้านสัดส่วนพรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากการประชุมหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านเมื่อช่วงเช้า ขณะนี้ยังไม่มีพรรคใดที่แสดงจุดยืนที่จะยื่นร่างแก้ไขอย่างที่พรรคก้าวไกลทำ ขณะเดียวกันก็ไม่มีพรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคใด มีความเห็นใกล้เคียงหรือเหมือนกับพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าจะใช้กลไกสภาเพื่อเป็นการรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ รวมถึงเรื่องในลักษณะที่เข้าข่ายเกี่ยวกับมาตรา 112 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไปอย่างไร

////