ทำความรู้จัก เทคโนโลยี Mind-Uploading ช่วยมนุษย์มีชีวิตอมตะในอนาคต

คลาส เวเบอร์

คลาส เวเบอร์ (Clas Weber) ผู้เชี่ยวชาญด้านปรัชญาจิตใจ, AI และอภิปรัชญาประจำมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลียกล่าวไว้ว่า เราอาจจะเข้าใกล้ความเป็นจริงขึ้นอีกมากแล้ว เขาเชื่อว่าจะสามารถคิดค้นเทคโนโลยีที่สามารถอัปโหลดสมอง หรืออย่างน้อยก็สามารถสร้างแผนที่สมองได้ภายในทศวรรษนี้

“เมื่อ 20 ปีที่แล้วนั้น ต้องใช้เวลากันหลายปีเลยล่ะและเงินทุนอีกหลายร้อยล้านเหรียญกว่าจะสร้างแผนที่พันธุกรรมมนุษย์ชุดแรกขึ้นมาได้ แต่ทุกวันนี้ ห้องแล็บที่เร็วที่สุดของเราสามารถทำได้เสร็จภายในไม่กี่ชั่วโมง ด้วยงบประมาณแค่ 100 เหรียญ”

“ด้วยประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน เราอาจจะได้เห็นเทคโนโลยีการอัปโหลดสมองภายในช่วงชีวิตของลูกหรือหลานเราเนี่ยล่ะ” แต่การทำแผนที่สมองนั้นเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการ เพราะยังมีความท้าทายอีก 3 เรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จได้ก่อน จะเริ่มกระบวนการอัปโหลด สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เทคโนโลยีอัปโหลดสมองเป็นไปได้จริง ก็คือความสามารถในการโคลนนิ่งและถ่ายโอนข้อมูลในสมอง ซึ่งเรายังทำไม่ได้

การจำลองสมองมนุษย์ถือเป็นความท้าทายใหญ่

เวเบอร์เองได้กล่าวอีกว่า “การจำลองสมองมนุษย์นั้นถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ สมองของเราเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนที่สุดในจักรวาล พวกมันมีเซลล์ประสาทประมาณ 86,000 ล้านเซลล์ และเซลล์ที่ไม่ใช่เซลล์ประสาท 85,000 ล้านเซลล์ โดยมีการเชื่อมต่อของระบบประสาทประมาณ 1,000 พันล้านเซลล์”

เปรียบเทียบได้กับ กาแล็กซีทางช้างเผือก ที่เป็นบ้านของดาวฤกษ์ประมาณ 200,000 ล้านดวง นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกข้อสงสัยที่ยังคงเป็นปริศนาลึกลับอีกว่า ข้อมูลสมองที่ถ่ายโอนมานั้น “จะสามารถสร้างสภาพจิตความนึกคิด” ได้ด้วยหรือไม่ แต่ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI นักวิทยาศาสตร์หวังว่าจะสามารถเลียนแบบการทำงานของสภาพจิตใจบางส่วนได้ แต่ต้องใช้เวลานาน